วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2557

รถบัสเช่าขอนแก่น โทร 0945014289

รถบัสเช่าขอนแก่น
เช่ารถตู้ ขอนแก่น
รถทัวร์ ขอนแก่น
เช่ารถทัวร์ ขอนแก่น
เช่ารถบัสราคาขอนแก่น
เช่ารถตู้ vipขอนแก่น
รถบัสรับจ้างขอนแก่น
รถบัส vipขอนแก่น
ราคา เช่ารถ บัสขอนแก่น

ติดต่อสอบถาม
 
ศูนย์บริการรถนำเที่ยวขอนแก่น สัมนา ศึกษาดูงาน  
บริการนำเที่ยวเป็นหมู่คณะทั่วประเทศด้วยรถโค๊ชปรับอากาศ 2 ชั้น VIP สวยหรูพร้อมระบบเครื่อเสียง
ทันสมัยด้วยคอมพิวเตอร์คาราโอเกะทุกคัน ท่านใดสนใจใช้บริการไม่ว่าจะเป็น
ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจและบริษัทเอกชน
บริการเช่ารถบัสขอนแก่น
เช่ารถตู้ VIPขอนแก่น
เช่ารถโค้ช VIPขอนแก่น
เช่ารถทัวร์ VIPขอนแก่น
รถบัสปรับอากาศขอนแก่น
รถบัสทัศนศึกษาขอนแก่น
เช่ารถทัวร์นำเที่ยว เช่ารถบัส รถโค้ชขอนแก่น
 
 
บริการเช่ารถบัสนำเที่ยวขอนแก่น สัมนา ออกค่าย ท่องเที่ยวทั่วไทย รถโค้ช VIP 
ท่องเที่ยวทั่วไทย ประชุม อบรม สัมนา ทัศนศึกษานำเที่ยวทั่วไทย รับส่งโรงแรม พร้อมคนขับชำนาญเส้นทาง เช่ารถตู้ VIP เช่ารถโค้ช VIP เช่ารถทัวร์ VIP รถบัสปรับอากาศ 2 ชั้น 8 ล้อ ทัศนศึกษา นำเที่ยว
เช่ารถตู้ ขอนแก่น
รถตู้เช่าขอนแก่น
เช่ารถตู้พร้อมคนขับขอนแก่น
รถตู้ให้เช่าขอนแก่น
รถเช่าขับเองขอนแก่น
เช่ารถรายวันขอนแก่น
 
 
ขั้นตอนการเช่ารถตู้รถบัสนำเที่ยวขอนแก่น
โทรตกลงราคา.. คุณมิ้นจะถามไปวันที่เท่าไร..ไปไหน..ไปกี่วัน..รับที่ไหน..เวลาให้ไปรับ...มีผู้เดินทางกี่คน ขอใบเสนอราคาการเช่ารถบัสมาที่ line ข้างบน
 
สิ่งที่ควรแจ้งในการจองรถบัส
 
1. แจ้งจุดรับในการเดินทาง และปลายทางให้ชัดเจน
2. แจ้งกำหนดการ วันเวลา ในการเดินทางที่แน่นอน
3. แจ้งประเภทรถบัสที่ต้องการเช่าบริการ
4. ระบุการใช้รถบัสตลอดการเดินทางหรือว่าจอดรอรับ
5. แจ้งจำนวนคนในการเดินทาง
6. หากตกลงจองรถบัสต้องทำสัญญามัดจำ พร้อมโอนเงินจองมัดจำ30%ของราคาที่ตกลงกันไว้
 

รับจัดทริปสัมมนา รับจัดทัวร์ โทร 0945014289

บริษัทรับจัดสัมนา รับจัดทริปสัมมนา รับจัดทัวร์ outingtrip ท่องเที่ยวประจำปีเราคือทีมงาน รับจัดสัมมนา รับจัดกรุ๊ปทัวร์ ทัวร์หมู่คณะ ท่องเที่ยวประจำปี ให้กับหน่วยงานต่างๆ รวมไปถึงกิจกรรม Teamwork, วอล์คแรลลี่ (walkrally)ด้วยทีมงานมืออาชีพ
รถบัสเช่า
เช่ารถตู้
รถทัวร์
เช่ารถทัวร์
เช่ารถบัสราคา
เช่ารถตู้ vip
รถบัสรับจ้าง
รถบัส vip
ราคาเช่ารถบัส

ติดต่อสอบถาม

โชคดีทัวร์ จัดทัวร์ กรุ๊ปทัวร์วีไอพี บริการวางแผนท่องเที่ยว ประชุม สัมนา
บริการจัดทัวร์ วางแผนการเดินทาง กับ บริษัททัวร์คุณภาพของไทย ที่ลูกค้ากว่า 400 กรุ๊ป/ปี ไว้วางใจให้ดูแลทริปประชุม สัมนา ท่องเที่ยว ดูงานรับจัดกรุ๊ปทัวร์ รับจัดทัวร์ต่างประเทศ ทุกแบบทุกเส้นทาง รับจัดทัวร์ บริการ จัดทัวร์ จัดกรุ๊ปทัวร์ กรุ๊ปทัวร์ จากบริษัททัวร์คุณภาพชั้นนำของประเทศไทย
บริษัททัวร์ที่นิยม
บริษัททัวร์ในประเทศ
บริษัททัวร์
บริษัททัวร์ต่างประเทศ
บริษัททัวร์กรุงเทพ
บริษัททัวร์

10 น้ำตกน่าเที่ยวที่สุดในประเทศไทย

1. น้ำตกห้วยแม่ขมิ้น
ที่ตั้ง: อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อ. ศรีสวัสดิ์ จ. กาญจนบุรี
เกิดจากลำห้วยแม่ขมิ้นในเทือกเขากะลา ไหลลดหลั่นไปตามเทือกเขาหินปูน มีทั้งหมดเจ็ดชั้นได้แก่ ชั้นว่านดง ม่านขมิ้น วังหน้าผา ฉัตรแก้ว ไหลจนหลง ดงผีเสื้อ และร่มเกล้า ตลอดเส้นทางนักท่องเที่ยวสามารถชมพันธุ์ไม้ในป่าดิบแล้งได้ด้วย
2. น้ำตกคลองลาน
ที่ตั้ง: อุทยานแห่งชาติคลองลาน อ. คลองลาน จ. กำแพงเพชร
ถือเป็นน้ำตกที่สวยงามที่สุดของ จ. กำแพงเพชร สายน้ำตกเกิดจากต้นน้ำบนยอดเขาคลองลาน ไหลผ่านโตรกผาสูงราว 100 ม. ก่อนตกลงแอ่งด้านล่างซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำ
ที่ตั้ง: อุทยานแห่งชาติน้ำตกแม่สุรินทร์ อ. ขุนยวม จ. แม่ฮ่องสอน
เป็นน้ำตกที่มองระยะไกลจะงดงามที่สุดเพราะสายน้ำอันเกิดจากลำห้วยแม่สุรินทร์ไหลทิ้งตกผ่านโตรกผา โดยสองข้างทางเป็นภูเขาสูงและโขดหินขนาดใหญ่ ที่มีมอสและเฟิร์นขึ้นปกคลุมเขียวขจี
4. น้ำตกปางสีดา
ที่ตั้ง:อุทยานแห่งชาติปางสีดา อ. เมืองสระแก้ว
ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าทึบร่มรื่น น้ำตกเกิดจากคลองน้ำเขียวซึ่งมีต้นน้ำมาจากยอดเขาเขียว ก่อนไหลตกจากหน้าผาสามชั้นสูงราว 10 ม. บริเวณด้านล่างนักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ น้ำตกจะสวยงามมากในหน้าฝน
5. น้ำตกแม่กลาง
ที่ตั้ง: อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ. จอมทอง จ. เชียงใหม่
เป็นน้ำตกที่มีชื่อของจ. เชียงใหม่ ด้วยขนาดใหญ่ของน้ำตกที่ไหลผ่านโตรกผาและมีน้ำตลอดทั้งปี ด้านล่างมีแอ่งน้ำให้นักท่องเที่ยวได้เล่นน้ำได้
6. น้ำตกทีลอซู
ที่ตั้ง: อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อ. อุ้มผาง จ. ตาก
ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตัวน้ำตกไหลทิ้งตัวจากหน้าผาสูงราว 200 ม. และกว้างราว 400 ม. เมื่อถึงบริเวณน้ำตกนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสละอองน้ำซึ่งฟุ้งกระจายไปทั่ว โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนน้ำตกจะยิ่งสวยงาม
7. น้ำตกไทรโยคใหญ่
ที่ตั้ง: อุทยานห่งชาติไทรโยค อ. ไทรโยค จ. กาญจนบุรี
แม้ตัวน้ำตกตั้งไม่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ แต่มีต้นน้ำไหลมาจากเทือกเขาทางตะวันตกเฉียงใต้ของอุทยาน ก่อนไหลลงสู่แม่น้ำแควน้อย นักท่องเที่ยวสามารถเดินข้ามสะพานบริเวณที่ทำการอุทยานฯไปชมได้
8. น้ำตกป่าละอู
ที่ตั้ง: ห้วยป่าเลา อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อ. หัวหิน จ. ประจวบคีรีขันธ์
มีความสูงทั้งหมด 15 ชั้น ตั้งยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันงดงาม มีน้ำตลอดทั้งปี มีจุดสามารถลงเล่นน้ำได้ ช่วงที่เหมาะแก่คือระหว่างเดือน ก.ค. -ก.ย. เพราะน้ำจะเยอะ ส่วนหน้าร้อนนักท่องเที่ยวจะได้ชมผีเสื้อนับร้อยตัวบริเวณน้ำตก
9. น้ำตกตาดเหือง
ที่ตั้ง: อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย อ. นาแห้ว จ. เลย
เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ตัวน้ำตกเกิดจากน้ำเหืองที่ไหลกั้นพรมแดนไทย-ลาว สายน้ำไหลตกจากผาหินสูงประมาณ 30 ม. และแผ่กว้าง 40 ม. มีน้ำตลอดทั้งปี เหมาะกับการเล่นน้ำพักผ่อนมาก ยกเว้นช่วงน้ำหลาก
10.น้ำตกเหวนรก
ที่ตั้ง: อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ. ปากพลี จ. นครนายก
เป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต้นน้ำเกิดจากคลองสมอปูนไหลตกจากหน้าผาสูงกว่า 50 ม. ในฤดูฝนตามพื้นที่ป่าระหว่างทางเดินไปน้ำตกจะเห็นเห็ดสีสันต่างๆ แต่ก็ควรระวังทากด้วย

ติดต่อสอบถาม

10 ที่เที่ยวในหน้าหนาวของไทย รถบัสเช่า โทร 0945014289


10 ที่เที่ยวในหน้าหนาวของไทย (ภาคเหนือ)
อากาศบ้านเราเริ่มหนาวแล้ว สถานที่ต่างๆ เริ่มมีบรรดานักท่องเที่ยว ทยอยขึ้นดอยสัมผัสความหนาว ทะเลหมอก น้ำค้าง และสายลมกันบ้างแล้ว ชีวิตคนเมืองอย่างเราไม่ค่อยได้สัมผัสอากาศหนาวเท่าไรนัก (นอกจากความหนาวจาก แอร์คอนดิชั่น) แต่ถ้าเป็นต่างจังหวัด ก็พอจะมีโอกาสได้รับรู้ถึงความหนาวกันบ้าง ยิ่งบนยอดดอยไม่ต้องพูดถึง บางแห่งหนาวเกือบตลอดทั้งปี
สำหรับวันนี้ เรามีสถานที่ ที่น่าสนใจ 10 แห่ง ที่มักจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาสัมผัสความหนาวให้ได้รู้จักกัน ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่อยู่ในเขตเทือกเขาทางภาคเหนือ ลองมาดูกันซิคะว่าเราเคยไปเที่ยวกันครบทั้งสิบแห่งหรือยัง

10 ที่เที่ยวในหน้าหนาวของไทย (ภาคเหนือ)
1. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์
ชื่อนี้มักจะเป็นติดอันดับต้นๆ ของการท่องเที่ยว เดิมชื่อว่า ดอยหลวง หรือ ดอยอ่างกา ดอยหลวง หมายถึงภูเขาที่มีขนาดใหญ่ ส่วนที่เรียกว่า ดอยอ่างกานั้น เพราะมีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่งลักษณะเหมือน อ่างน้ำ มีฝูงกาไปเล่นน้ำกันมากมาย จึงเรียกว่า อ่างกา หรือ ดอยอ่างกา
ดอยอินทนนท์ เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย (2,599 เมตร) จึงทำให้มีสภาพอากาศหนาวเย็นตลอดปี สถานที่น่าสนใจในอุทยานฯ มี น้ำตกแม่ยะ น้ำตกแม่กลาง น้ำตกวชิรธาร น้ำตกสิริภูมิ ถ้ำบริจินดา โครงการหลวงอินทนนท์ และ เส้นทางศึกษาธรรมชาติหลายจุด

ดอยอินทนนท์ เชียงใหม่
2. ดอยอ่างขาง
เป็นที่ตั้งสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ภายในสถานีมีโครงการวิจัยผลไม้ ไม้ดอกเมืองหนาว งานสาธิตพืชไร่ แปลงทดลองปลูกไม้ผลเมืองหนาว สวนบอนไซ มีการจำหน่ายผลิตผลพืชผักเมืองหนาวที่ปลูก ในบริเวณโครงการฯ ให้แก่นักท่องเที่ยวตามฤดูกาล ในสถานีฯ มีที่พัก และมีสถานที่กางเต็นท์บริการแก่นักท่องเที่ยว สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ

ดอยอ่างขาง
3. เขาค้อ – อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์
เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ชื่อว่าเขาค้อเป็นเพราะ ป่าบริเวณนี้มีต้นค้อขึ้นอยู่มาก เนื่องจากภูมิอากาศบนเขาค้อเย็นตลอดปี ค่อนข้างเย็นจัดในฤดูหนาว และมีทัศนียภาพสวยงาม จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่ง ของเพชรบูรณ์ สถานที่น่าสนใจบนเขาค้อได้แก่ อนุสาวรีย์จีนฮ่อ ฐานอิทธิเจดีย์ พระบรมสารีริกธาตุเขาค้อ หอสมุดนานาชาติเขาค้อ พระตำหนักเขาค้อ น้ำตกศรีดิษฐ์ สวนสัตว์เปิดเขาค้อ และเนินมหัศจรรย์ หมู่บ้านคุ้มจุดชมวิวกิ่วลม หมู่บ้านนอแล และหมู่บ้านขอบด้ง หมู่บ้านหลวง

เขาค้อ – อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์
อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญของแม่น้ำหลายสาย สถานที่น่าสนใจ ในเขตอุทยานฯ ได้แก่ ทุ่งหญ้ากงวัง ถ้ำผาหงษ์ สวนสนบ้านแปก สวนสนภูกุ่มข้าว น้ำตกซำผักคาว น้ำตกทรายแก้ว น้ำตกทรายเงิน น้ำตกเหวทราย น้ำตกทรายทอง ภูผาจิต หนองปลาไหล หนองน้ำขุ่น น้ำตกตาดพรานบา ผาล้อม ผากอง ถ้ำใหญ่น้ำ
 4. อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง
ด้วยสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี มีเทือกเขาและภูเขาสูง สลับซับซ้อน ครอบคลุมอำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ภูเขาที่สูงที่สุด คือ ดอยช้าง เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีลำห้วยน้อยใหญ่มากมาย ฤดูหนาวอากาศเย็น ลมแรง

อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง
5. ภูชี้ฟ้า-ผาตั้ง จ.เชียงราย
ภูชี้ฟ้า เป็นจุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นอีกแห่งหนึ่ง มีลักษณะเป็นยอดเขาที่แหลมชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า ยิ่งตอนที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นมาตรงระหว่างปลายยอดเขา จะดูเหมือน เสือคาบแก้วมาก มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,628 เมตร ส่วนของหน้าผาเป็นแนวยาวยื่นไปทางฝั่งประเทศลาว

ภูชี้ฟ้า-ผาตั้ง จ.เชียงราย
ดอยผาตั้ง อยู่บนเทือกดอยผาหม่น เป็นจุดชมวิวสองฝั่งโขง ไทย-ลาว และทะเลหมอก บนดอยมีหมู่บ้านชาวจีนฮ่อ ม้ง และเย้า โดยเฉพาะ ชาวจีนฮ่อนั้น อดีตเคยเป็น ส่วนหนึ่งของกองพล 93 ซึ่งอพยพเข้ามา ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ดอยผาตั้งนี้ ปัจจุบันประกอบอาชีพทางการเกษตร ปลูกพืชเมืองหนาว เช่น บ๊วย ท้อ สาลี่ แอปเปิ้ล

10 ที่เที่ยวในหน้าหนาวของไทย (ภาคเหนือ)
6. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากแห่งหนึ่ง ของเมืองไทย เพราะมีสภาพธรรมชาติสมบูรณ์ประกอบด้วยระบบนิเวศและ ภูมิประเทศหลากหลาย ทั้งทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดิบ น้ำตกและ หน้าผาชมทิวทัศน์ ลักษณะเด่นของอุทยานฯ แห่งนี้คือเป็นภูเขาหินทราย ยอดตัด เป็นที่ราบขนาดใหญ่คล้ายใบบอนหรือรูปหัวใจ มีเนื้อที่ประมาณ 60 ตารางกิโลเมตร มีความสูง 400-1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง จุดท่องเที่ยวประทับใจได้แก่ ผานกแอ่น ผาหล่มสัก ผาหมากดูด น้ำตกเพ็ญพบ น้ำตกถ้ำสอเหนือ-ใต้ สระอโนดาด เป็นต้น

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง
7. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัดคือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และเลย ไร่ภูหินร่องกล้ามียอดเขาสูง 1,617 เมตร มีทิวทัศน์สวยงาม ปกคลุมด้วยป่าเต็งรังป่าดิบเขา และป่าสนเขา มีสนสองใบและสนสามใบ ขึ้นปะปนกัน และพบกล้วยไม้ดอกไม้ป่าหลายชนิดขึ้นอยู่ตามลานหิน เคยเป็นศูนย์กลางที่ตั้งฐานที่มั่นการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ใหญ่ และสำคัญที่สุดของภาคเหนือ จุดที่น่าสนใจ ลานหินปุ่ม ลานหินแตก น้ำตกหมันแดง เป็นต้น

อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
8. ทุ่งบัวตองดอยแม่อูคอ – ดอยแม่เหาะ จ.แม่ฮ่องสอน
ดอยแม่อูคอ เป็นทุ่งดอกบัวตองที่มีพื้นที่ครอบคลุมเป็นเขากว้าง ประมาณ 1 พันไร่ ดอกบัวตองที่นี่เมื่อบานพร้อม ๆ กันในช่วงเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม จะเหลืองอร่ามปกคลุมทั่วทั้งภูเขา ดอยแม่เหาะ อยู่ริมทางหลวงหมายเลข 10-8 ตรงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 84 เขตตำบลแม่เหาะ เป็นที่ตั้งของศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา จังหวัดแม่ฮ่องสอน บริเวณนี้ มีภูมิประเทศที่งดงาม มีชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง อยู่เป็นส่วนมาก ในเดือนพฤศจิกายน ถึงธันวาคม ของทุกปี ดอกบัวตอง หรือทานตะวันป่า จะบานสะพรั่ง ไปทั่วหุบเขา สวยงามมากทีเดียว
9. อุทยานแห่งชาติภูเรือ
เป็นภูเขาสูงใหญ่ บนยอดเขาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ มีต้นสนขึ้นสลับซับซ้อน มีลักษณะแปลกคือ มีส่วนหนึ่งเป็นผา ชะโงกยื่นออกมาเหมือน หัวเรือสำเภาใหญ่ อุทยานแห่งชาติภูเรือ จุดที่น่าสนใจบนอุทยานได้แก่ ผาโหล่นน้อย ภูผาสาด และทะเลภูเขา ผาซับทอง หรือ ผากุหลาบขาว เป็นหน้าผาสูงชัน และแหล่งน้ำซับที่มีพืชน้ำไลเคนสีเหลืองคล้ายสีทอง ขึ้นเต็มไปทั่ว น้ำตกห้วยไผ่ เป็นน้ำตกที่ไหลจากหน้าผาสูงชัน ยอดภูเรือ เป็นจุดสูงสุดในอุทยานฯ สามารถมองเห็น แม่น้ำเหืองและแม่น้ำโขงที่กั้นพรมแดนระหว่างไทย-ลาว
10. อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว
สภาพพื้นที่เป็นภูเขาสูงที่ป่าปกคลุมอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี การเดินทางขึ้นดอยค่อนข้างลำบาก แต่เมื่อขึ้นไปถึงแล้วจะพบดอกไม้ป่า พันธุ์ต่าง ๆ เช่น ดอกหงอนนาค ดอกไม้ดินต่าง ๆ สวยงามมาก แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่น้ำตกภูสอยดาว และลานสน 
ติดต่อสอบถาม

รถบัสเช่า โทร 0945014289 พักร้อน 10 หาดสวย ทะเลใส (ไม่ไกลกรุง)

หน้าร้อนนี้เชื่อว่าหัวใจใครหลายคนคงชื่นชอบและโหยหาบรรยากาศของทะเลและเกลียวคลื่น แต่ด้วยชีวิตที่เต็มไปด้วยหน้าที่การงาน ก็ได้ปล้นเวลาของเราไปมากต่อมาก ถึงวันว่างทีไร การเติมพลังชีวิตด้วยความงามของธรรมชาติก็สร้างความสุขและผ่อนคลายให้จิตใจไม่น้อย ยิ่งได้เดินทางไม่ไกลด้วยก็เหมือนได้กำไรเป็นสองต่อ ...
สำหรับคนรักทะเล แต่มีเวลาน้อย ทะเลสุดคลาสสิกในจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ก็ยังเป็นจุดหมายที่ดีและเดินทางไม่ลำบาก เดินทางไปเช้าเย็นกลับก็ทำได้ไม่ยาก หรือทะเลภาคตะวันออกก็ไม่น่ามองข้าม เพราะงดงามเทียบได้กับทะเลใต้ และจะทำให้คุณลืมโลกในเมืองหลวงไปเลยทีเดียว แต่จะไปใกล้หรือไกล สนุก!  ก็ได้คัดสรร 10 หาดสวย ทะเลใส มาเอาใจคนรักทะเลแล้ว...

1. หาดจอมเทียน พัทยา มีดีไม่แพ้ใคร
ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เท่าไหร่ หาดจอมเทียนได้ชื่อว่าเหมาะสำหรับวันหยุดพักผ่อนเป็นอย่างดี ด้วยระยะทางเพียง 4 กิโลเมตรจากตัวเมืองพัทยามาทางทิศใต้ คุณจะได้เห็นหาดทราบสีนวลสะอาดตาทอดยาวกว่า 6 กิโลเมตร หาดจอมเทียนเดิมชื่อว่าหาดดงตาล เพราะมีต้นตาลตลอดแนว ถนนร่วมรื่นรอบชายหาดเต็มไปด้วยร้านอาหารทะเลและร้านค้า นอกจากนี้ยังมีโรงแรมรีสอร์ตสำหรับการมาพักผ่อนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ หากใครอยากสนุกกับกิจกรรมทางน้ำ กระดานโต้คลื่น เจ็ตสกี สกูตเตอร์ บานานาโบ๊ต วินด์เซิร์ฟ ฯลฯ ก็มีบริการที่นี่ แต่ถ้าแค่อยากมานอนพักผ่อนรับลมทะเลก็มีเตียงผ้าใบพร้อมชายหาดไว้คอยบริการ
การเดินทาง: จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 3 บางนา-ตราด ขับไปจนถึงบ้านนาเกลือ ตรงหลักกิโลเมตรที่ 150 แยกขวาเข้าพัทยา เลยจากตัวเมืองพัทยาไปทางด้านทิศใต้อีก 4 กิโลเมตรก็จะถึงหาดจอมเทียน

2. เกาะล้าน ไปกี่ครั้งก็ยังสวย
ถ้าใครมาเที่ยวพัทยาและปักหลัง กิน ดื่ม เที่ยว อยู่แต่บนฝั่ง ขอบอกว่าคุณกำลังพลาดความงามที่นึกไม่ถึง เพราะแค่นั่งเรือข้ามออกไปจากฝั่งไปราว 40 นาที ประมาณ 7 กิโลเมตร คุณจะมาถึงเกาะล้าน เกาะที่มีชายหาดขาวและน้ำทะเลใสแจ๋วราวกระจกให้แหวกว่ายเล่น สำหรับหาดที่สวยบนเกาะล้านต้องยกให้หาดแสม ชายหาดขนาดกะทัดรัด ค่อนข้างเงียบสงบ มีเก้าอี้และเตียงชายชายหาดสีสันสดใสวางทอดยาวบนชายหาดสีขาวสะอาด ให้มานอนเล่น อาบแดด อ่านหนังสือ จิบน้ำมะพร้าวเพลินๆ ทะเลสีเขียวอ่อน ก็สามารถลงเล่นได้อย่างสนุกสนานและปลอดภัย เพราะมีทุ่นแบ่งเขตว่ายน้ำเพื่อป้องกันอันตรายแก้นักท่องเที่ยว หรือใครอยากสนุกจะเช่าสนามเด็กเล่นในน้ำ ปีนป่ายแพยางหลากหลายรูปแบบ หรือจะเช่าบานานาโบ๊ต หรือเจ็ตสกีก็มีให้บริการ นอกจากนี้ยังมีสถานที่ใกล้เคียงเช่น หาดตาแหวนอยู่ทางเหนือของเกาะ มีโค้งหาดทรายยาวสวย มีกิจกรรมทางทะเลมากมาย และร้านค้าเพียบ หาดอื่นๆ ก็เช่น หาดแหลมเทียน หาดตาพัน หาดนวล หาดทองหลาง รวมถึงหมูเกาะใกล้เคียงที่มีปะการังสวยงาม เช่น เกาะครกและเกาะสาก ซึ่งทั้ง 2 เกาะสามารถดำน้ำได้ทั้งแบบน้ำลึกและน้ำตื้นสามารถเดินทางไปเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับได้อย่างสบาย หรือจะนอนค้างแรมสักคืนสองคืนก็ได้
การเดินทาง: เมื่อมาถึงพัทยา เดินทางไปที่แหลมบาลีไฮ ซึ่งเป็นท่าเรือข้ามไปเกาะล้าน (ถ้ามาจากกรุงเทพฯเลี้ยวไปทางพัทยาใต้) มีรถรับฝากถ้าจะจอดค้างคืน หรือที่จะไปเกาะล้านมีให้บริการอยู่หลายเจ้า ถ้าไปลงหาดตาแหวน หรือหาดหน้าบ้าน ราคาคนละ 20 บาท แล้วไปต่อมอเตอร์ไซต์ คนละ 40 บาทต่อเที่ยว ถ้าไปลงหาดแสม ไป-กลับคนละ 150 บาท มีเรือให้บริการตั้งแต่ 08.00-18.30 น. ออกเดินทางทุก2 ชั่วโมง และมีเรือเร็วให้เช่าไปที่เกาะด้วย

3.เกาะเสม็ด สวรรค์วันพักผ่อน
เกาะเสม็ดแห่งทะเลระยอง เป็นอีกจุดมุ่งหมายหนึ่งที่หลายคนเลือกไปเยือน เพราะเดินทางสะดวก ที่พักสบาย มีให้เลือกหลากหลาย โดยเฉพาะหาดทรายขาวและน้ำใสสีเขียวครามสะอาดตา เกาะเสม็ดเป็นเกาะขนาดกลาง เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานเขาแหลมหญ้า-เกาะเสม็ด ต้องเสียค้าเข้าชมอุทยานด้วย (ผู้ใหญ่คนละ 40 บาท) โดยลงเรือเมล์จากฝั่งบ้านเพจะใช้เวลาวิ่งราว 30-40 นาที ถึงท่าเรือหน้าด่านใกล้ๆ กับอ่าวป้าช้าทางส่วนเหนือสุดของเกาะ แล้วเราเริ่มเดินหรือเหมาสองแถวไปเที่ยวกันได้เลย ส่วนเหนือของเกาะเป็นศูนย์รวมความเจริญบนเกาะ มีท่าเรือใหญ่ ตลาด และด่านเก็บเงินของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ถัดมาตะวันออก จะพบหาดทรายแก้วทอดยาวขาวสะอาด มีร้านรวงรีสอร์ตและกิจกรรมทางน้ำครบครัน เริ่มตั้งแต่การเล่นน้ำใส ขับเจ็ตสกี นั่งเรือกล้วย แล่นเรือใบ เล่นกีฬาชายหาด ถัดจากหาดทรายแก้วไปจนถึงปลายตะวันออกของเกาะก็มีอ่าวเล็กๆ อีกกว่า 10 อ่าว ที่เดินถึงกันได้อย่างสะดวก สามารถลงเล่นน้ำ กินอาหาร แล้วชมทัศนียภาพภาพของทะเลไปเรื่อยๆ เช่น อ่าวไผ่ อ่าวทับทิม อ่าวนวล อ่าวช่อ อ่าวลุงดำ เป็นต้น อ่าววงเดือนที่อยู่กึ่งกลางเกาะเสม็ดก็มีสีสันคึกคักไม่แพ้หาดทรายแก้ว ส่วนอ่าวลุงดำ ก็เป็นจุดที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดบนเกาะนี้ก็ว่าได้ อยู่บนเกาะเบื่อๆ จะเช่าเรือออกไปดำน้ำชมปะการังแถวๆ หน้าอ่าวหวาย อ่าวเทียน อ่าวปะการังก็ได้ หรือแล่นเรือออกไปดำน้ำแถวๆ เกาะจันทร์ เกาะทะลุ และเกาะกฎี ที่รับรองว่าสภาพธรรมชาติยังบริสุทธ์อยู่มาก
การเดินทาง: รถยนส่วนตัว ใช้ถนนสุขุมวิท (ทางหลวงหมายเลข 3) ผ่านจังหวัดระยองตรงไปอีก 19 กิโลเมตร จะถึงท่าเรือบ้านเพ หรือจะเลี้ยวขวาตรง กม. 238 เข้าสู่ถนนเลียบหาด ก็ตรงสู่ท่าเรือบ้านเพได้เช่นกัน แล้วฝากรถไว้ที่ท่าเรือได้  รถประจำทางมีรถออกทุกวันที่สถานีขนส่งเอกมัย ใช้เวลาวิ่งประมาณ 3 ชั่วโมง

4. หาดเจ้าหลาว สนุกวัน สนุกคืน
เดินทางไปไกลอีกนิดเราจะเจอกับหาดเจ้าหลาว หาดที่เงียบสงบและมีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดจันทบุรี ตั้งอยู่ที่แหลมเสด็จห่างจากอำเมืองไปประมาณ 27 กิโลเมตร หาดทรายละเอียดสีแดงยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา ทิวมะพร้าวทิวสนสลับกับรีสอร์ตน้อยใหญ่ เรียงรายตลอดแนว ยิ่งช่วงแดดร่มลม การนั่งเล่นชิลล์ๆ บนเตียงผ้าใบรอพระอาทิตย์ขอบฟ้าช่างได้บรรยากาศโรแมนติกเสียจริงๆ หากชื่นชอบการชมทิวทัศน์ จุดชมวิวทะเลบริเวณสันเขาสามารถมองเห็นหาดเจ้าหลาวได้เต็มตา หรือจะออกไปดำน้ำชมปะการังน้ำตื่นก็ได้ ตกกลางคืนยังมีกิจกรรมนั่งเรือได้หมึกที่น่าตื่นเต้น กินหมึกกันสดๆ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสจี๊ดก็เด็ดอย่าบอกใคร
การเดินทาง: จากถนนสุขุมวิท ก่อนถึงตัวเมืองจันทบุรี ถึงกิโลเมตรที่ 301 มีทางแยกขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 3399 และจะพบป้ายทางแยกหาดเจ้าหลาว อีกเส้นทางหนึ่ง คือ จากตัวเมืองเดินทางไปยังอำเภอท่าใหม่ ระยะทาง 17 กิโลเมตร ต่อด้วยเส้นทางที่ไปเขื่อนวังโตนด แล้วขับเลยไปจนถึงชายทะเลได้เช่นกัน หรือจากถนนสุขุมวิท ตรงหลักกิโลเมตรที่ 302 ไปตามทางหลวงหมายเลข 3399 เมื่อถึงบ้านหมูดุดจะพบสามแยกให้เลี้ยวซ้าย จะเห็นป้ายบอกทางไปหาดเจ้าหลาว ระยะทาง 3 กิโลเมตร

5.เกาะช้าง จ. ตราด ไม่เคยร้างความสนุก
เกาะขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศน้องๆ จากจังหวัดภูเก็ตที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงมากนักและหลายคนนึกถึงแม้จะมีเวลาหยุดเพียงวันเสาร์อาทิตย์เพียง 20 นาที จากท่าเรือธรรมชาติก็มาถึงเกาะช้าง โดยแบ่งเกาะช้างเป็นสองฝั่ง คือด้านตะวันออกที่เงียบสงบ เป็นแหล่งชุมชนคนท้องถิ่น และมีชายหาดที่เล่นน้ำได้ไม่มากนัก ส่วนด้านตะวันตกของเกาะนั้นเป็นชายฝั่งที่มีชายหาดให้เล่นน้ำเกือบเหนือจรดใต้ มีชายหาดที่เชิดหน้าชูตา คือ หาดทรายขาว หาดคลองพร้าว และหาดไก่แบ้ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสนุกๆ อีกมากมาย เช่น ดำน้ำชมปะการัง หรือจะดินเนอร์ใต้แสงเทียนริมหาดทรายยามค่ำคืนสนุกไม่น้อยเลย
การเดินทาง: ท่าเรือเฟอรี่จากตราดสู่เกาะช้าง มี 2 ท่า ท่าเรือธรรมชาติ โทร. 0-3951-8589 ท่าเรือเซ็นเตอร์พ้อยด์โทร. 0-3953-8196 การเดินทางมาเที่ยวเกาะช้างมีถนนเพียงเส้นเดียวรอบเกาะเอารถยนต์ข้ามมาใช้ได้สะดวก และเติมน้ำมันรถมาให้เพียงพอ หรือจะใช้บริการสองแถวก็สะดวกดี แต่ถ้าจะเช่ามอเตอร์ไซต์ขับกินลมชมวิว ก็ต้องขับช้าๆ และพกสติไปด้วยตลอดเวลา เพราะถนนบางช่วงแคบและปริมาณรถคับคั่ง เกิดอุบัติเหตุเป็นประจำ ส่วนที่พักนั้นหาได้ตั้งแต่ระดับบังกาโล ห้องน้ำรวม ไปจนถึงระดับห้าดาว

6.ชะอำ สนุก คึกคักใกล้กรุง
หาดชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เป็นชายหาดที่สวยงาม และมีชื่อเสียง ถนนที่เลียบชายหาดขาวนวลยาวเหยียด เรียงรายไปด้วยแนวต้นสน สนุกสนานไปกับการเล่นน้ำทะเลใส ซื้อของกินในราคาไม่แพง ซึ่งจะมีพ่อค้าแม่ค้ามาหาบขายตลอดเวลา มีเตียงผ้าให้นั่งเล่น นอนยาวตลอดแนวชายหาดหาด เต็มไปด้วยที่พักมากมายหลายระดับให้นักท่องเที่ยวได้เลือกใช้ บริการตาม ความสะดวก ทั้งแบบราคาย่อมเยาว์ไปจนถึงที่พักหรูราคาแพง ถนนเลียบชายหาดนั้นสามารถเช่าจักรยานปั่นกินลมชมวิวไปตามชายหาดได้อย่าง เพลิดเพลิน หรือจะลองขี่ม้าที่มีคนนำมาไว้บริการก็ยังได้ ขี่ม้าลัดเลาะไปตามชายหาดคิดดูว่ามันจะสุดยอดแค่ไหน
การเดินทาง : อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ราว 164 กิโลเมตร รถส่วนตัว ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และ อำเภอปากท่อ แล้วแยกเข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข4) มุ่งหน้าสู่เพชรบุรี ไม่มีรถส่วนตัว นั่งรถทัวร์หรือรถตู้ กรุงเทพฯ -ชะอำมาลงก็ได้

7. หาดเจ้าสำราญ ไปแล้วต้องอยู่นานๆ
ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรบุรี ประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นชายหาดที่เคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญมาแต่สมัยโบราณ มีประวัติเล่ากันมาว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เคยเสด็จมาที่นี่ พร้อมด้วยสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงพอพระราชหฤทัยในความงามของหาดนี้มาก ทรงประทับแรมอยู่หลายวัน จนชาวบ้าน เรียกหาดนี้ว่า หาดเจ้าสำราญ ชายหาดแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าไปพักผ่อนแห่งหนึ่ง มีบรรยากาศที่เงียบสงบ อากาศเย็นสบาย มีสัตว์ทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งปูเสฉวน หอย แมงกะพรุน มีที่พักพร้อม มีร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้เคียง สามารถลงเล่นน้ำได้ ในบริเวณใกล้เคียงมีหมู่บ้านชาวประมง ชายหาดแห่งนี้ทรายถูกพัดถมขึ้นมามากขึ้นเรื่อยๆ จึงมีทรายที่ละเอียดมากในส่วนของต้นหาด ที่นี่จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ต้องไปไกลมากและมีความสวยงามมากแห่งหนึ่ง
การเดินทาง: รถส่วนตัว ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และ อำเภอปากท่อ แล้วแยกเข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข4) มุ่งหน้าสู่เพชรบุรี หาดเจ้าสำราญอยู่ห่างจากตลาดเมืองเพชรบุรี 15 กิโลเมตร ไม่มีรถส่วนตัว นั่งรถทัวร์หรือรถตู้ กรุงเทพฯ - เพชรบุรี แล้วต่อสองแถวที่วิ่งระหว่างตัวเมือง - หาดเจ้าสำราญ

8.ทะเลหัวหิน เปี่ยมเสน่ห์ คลาสสิกตลอดกาล
แหล่งพักผ่อนตากอากาศสุดคลาสสิก หาดทรายขาวกว้างยาวสุดสายตา น้ำทะเลใสซัดสาดฟองคลื่นกระทืบโขดหินที่กระจายอยู่บริเวณปลายหาดด้านหนึ่งอย่างสวยงามเป็นเอกลักษณ์ และนี่เองคือที่มาของชื่อหัวหิน และเมื่อพ้นจากบริเวณนี้ไปก็จะเป็นหาดทรายขาดทอดยาวไปจนเขาตะเกียบเลยทีเดียว หากนึกสนุกจะลองขี่ม้าเดินเล่นตามชายหาดหรือทอดย่างซึมซับเสน่ห์ความงามของบ้านพักตากอากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายและเรื่องราวของวันเก่าก็เพลิดเพลินไม่น้อย โดยทางหาดหัวหินมีทางลงอยู่สองจุดด้วยกัน คือ ด้านหน้าโรงแรมโซฟิเทลและบริเวณศาลเจ้าแม่ทับทิมบริเวณถนนนเรศดำริ ซึ่งมีลานจอดรถเล็กๆ ตรงกับแหลมหินหน้าหาดให้บริการฟรีอยู่ด้วย
การเดินทาง: รถส่วนตัว ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และ อำเภอปากท่อ แล้วแยกเข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข4) มุ่งหน้าสู่ จังประจวบคีรีขันธ์ ไม่มีรถส่วนตัว นั่งรถทัวร์หรือรถตู้ กรุงเทพฯ -หัวหิน- ปราณบุรี มาลงที่หัวหินแล้วนั่งรถรับจ้างหรือเดินไปก็ได้ หรือจะนั่งรถไฟ สถานีรถไฟหัวหิน ห่างจากชายหาดหัวไปประมาณ 1 กิโลเมตร สามารถเดินถึงหาดได้สะดวก

9. ทะเลปราณบุรี พักผ่อนสบายๆ นอนเล่น ฟังเสียงคลื่น
หาดทรายสีน้ำตาลอ่อนทอดยาวกกว่า 7 กิโลเมตร ของหาดปราณบุรี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ต้องการนอนพักผ่อนฟังเสียงคลื่น รับลมทะเล หรืออาบแดด และลงเล่นน้ำให้ชื่นฉ่ำหัวใจ เพราะชายหาดที่นี่ยังคงบรรยากาศแบบสบายๆ ไม่พลุกพล่านมากนัก อีกทั้งยังมีบูติกรีสอร์ตสวยเก๋หลายแห่งให้ได้เลือกพักผ่อนตามความพอใจ หากต้องการยืดเส้นยืดสายก็ไปเที่ยวได้ที่หาดเขากะโหลก ในเขตวนอุทยานท้าวโกษา ทางด้านใต้ของชายหาดแห่งนี้มีภูเขาลูกย่อมๆ คล้ายกะโหลก ใครอยากชมวิวเมืองปราณบุรีจากมุมสูง ก็สามารถปีนป่ายไปยังด้านบนได้ และถ้าท้องร้องขึ้นมาก็เลือกชิมอาหารทะเลตามร้านต่างๆ ได้
การเดินทาง: รถส่วนตัว ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) ผ่านสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และ อำเภอปากท่อ แล้วแยกเข้าถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข4) มุ่งหน้าสู่ จังประจวบคีรีขันธ์ ถึงสี่แยกปราณบุรี เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสายปากน้ำ -ปราณบุรี ตรงไปก็จะถึงชายหาดปราณบุรี ไม่มีรถส่วนตัว มีรถโดยสารและรถตู้ปรับอากาศให้บริการจากกรุงเทพฯ ไปยังสี่แยกปราณบุรี จากนั้นจะมีรถสองแถวโดยสารหรือจักรยานยนตร์รับจ้างให้บริการจากปากน้ำปราณบุรีไปปากน้ำปราณ ซึ่งสามารถเหมาต่อได้

10. บ้านกรูด ชายหาดสีขาวนวล
พอพูดถึงหาดบ้านกรูด นักท่องเที่ยวตัวยกต้องยกนิ้วให้ เพราะชายหาดสีขาวนวลสะอาดตา โค้งมนคล้ายพระจันทร์เสี้ยวแบบชิดน้ำทะเลสีฟ้าครามนั้น ยาวไปไกลตามชายฝั่งพร้อมทิวสนและสวนมะพร้าวอันร่มรื่นกว่า 12 กิโลเมตร ขนานไปกับถนนเลียบหาด เป็นเสน่ห์ให้นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาพักผ่อนกันอย่างไม่ขาดสาย ชาวบ้านเล่าว่าแต่เดิมมีต้นมะกรูดขึ้นขึ้นมากมายนั่นเอง ถึงกลายเป็นที่มาของชื่อหาดบ้านกรูด โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือหาดทางด้านเหนือกับหาดทางด้านใต้ มีที่พักและร้านอาหารริมหาดหลายแห่ง แต่กระนั้นก็ไม่ทำให้สูญเสียความเป็นธรรมชาติและความสงบเลยสักนิด ชุมชนประมงที่แปรอาหารทะเลแห้งเป็นอาชีพ ก็กระจายตัวให้เห็นอยู่ตลอดชายหาด
การเดินทาง: รถส่วนตัว จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข4) อำเภอบางสะพานเลี้ยวซ้ายที่ กม. 382 ไปตามถนนเพชรเกษมบ้านกรูด ข้ามทางรถไฟไปประมาณ 9 กิโลเมตร ถึงถนนเลียบหาดบ้านกรูด ไม่มีรถส่วนตัว มีรถโดยสารสายกรุงเทพฯ - บางสะพาน ลงที่แยกบ้านกรูด ขึ้นจักรยานยนต์รับจ้างเข้ามาบ้านกรูด ถ้าขึ้นรถไฟ ต้องลงที่สถานีบ้านกรูด จากนั้นขึ้นจักรยานยนตร์รับจ้าง เข้ามาหาดบ้านกรูดเพียง 1 กิโลเมตร

ขอขอบคุณข้อมูล: การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เที่ยวภาคกลาง .คอม และ ททท. สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ 
เรียบเรียงโดย: กันต์ ณ ปกรณ์ 
ภาพ: ธนปกรณ์ สุขสาลี, ระพีพร ตันตราภิรมย์ ททท. สำนักงานประจวบคีรีขันธ์ และเที่ยวภาคกลาง.คอม

ติดต่อสอบถาม

19 ที่เที่ยวในเมืองไทย แต่เหมือนไปเมืองนอก!



    ‘เมืองไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก’ คำนี้มันใช้ได้จริงๆนะจ้ะ เมืองไทยของเราแพ้ใครซะที่ไหน ทั้งวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ค่าครองชีพ อาหารการกิน รวมถึงสถานที่เที่ยวก็มีให้เลือกเยอะแยะไม่หวาดไม่ไหว ใครอยากเที่ยวแบบไหน พี่ไทยเรามีให้หมด แต่ถ้ารู้สึกว่า ‘ในชีวิตนี้อยากจะไปเมืองนอกกับเค้ามั่ง แต่ไม่มีตังค์ซะนี่!’ ฟังทางนี้ให้ดี! จะทำความฝันของคุณให้เป็นจริง พาคุณไปเที่ยวกันในธีมที่มีชื่อว่า ‘เที่ยวเมืองไทยเหมือนไปเมืองนอก’ ทริปเที่ยวเมืองไทยสุดคุ้มสบายกระเป๋า แต่ได้ฟิลลิ่งและบรรยกาศคล้ายเมืองนอกเป๊ะ! จะมีที่ไหนบ้างน้า? อยากรู้มาดูกันเล้ย! 

 1. อินเดียในเมืองไทย: มัสยิดกลาง จังหวัดปัจตานี 

    สำหรับคนที่หลงใหลในเสน่ห์ของทัชมาฮาล อนุสาวรีย์แห่งความรักในอินเดีย ลองล่องใต้ลงปัตตานีบ้านเรา คุณจะได้พบกับ ‘มัสยิดกลาง’ ที่ถอดแบบจากวิหารทัขมาฮามาลมาได้อย่างเหมือนเป๊ะ! ถึงแม้จะไม่ใช่อนุสรณ์แห่งความรักเหมือนต้นฉบับ แต่ที่นี่ก็เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของชาวไทยมุสลิมทุกคน แถมยังได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘มัสยิดที่งดงามที่สุดในประเทศไทย’ อีกด้วยนะคะ

2. มัลดีฟส์ในเมืองไทย: เกาะพยาม จังหวัดระนอง 

    ถ้าพูดถึงทะเล ร้อยทั้งร้อยต้องยกให้ ‘มัลดีฟส์’ เป็นอันดับต้นๆอย่างแน่นอน แต่ก็นะ...ที่สวยๆแบบนี้ราคาก็ต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ซึ่งหากคุณกำลังทรัพย์จางล่ะก็...ลองมาที่นี่แทนดูมั้ยคะ ‘เกาะพยาม’ จังหวัดระนอง ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘มัลดัฟส์เมืองไทย’ เลยทีเดียวนะ เพราะน้ำทะเลสีเขียวสะอาดใสเหมือนกระจก รอบล้อมด้วยรีสอร์ทที่ตั้งอยู่กลางทะเลในบรรยากาศแบบธรรมชาติสุดๆ จำลองมาจากมัลดีฟส์ทุกกระเบียดนิ้วขนาดนี้ จะไม่ให้กด Like ยังไงไหว
3. ญี่ปุ่นในเมืองไทย: Hako Town - เลียบทางด่วนรามอินทรา 
    สาวกอาหารญี่ปุ่นห้ามพลาด! ‘Hako Town’ ฟู้ดคอร์ทย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา ที่ยกเอาบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่นขนานแท้ผสมกับทิวทัศน์ร่วมสมัยมาให้คนไทยสัมผัสกันถึงแก่น รวบรวมร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ร้านต้นตำรับแห่งแรกในประเทศไทย เมืองญี่ปุ่นขนาดย่อมแห่งนี้มีไว้ให้คุณที่นี่แล้วค่ะ ทั้งอิ่มท้อง อิ่มตา อิ่มบรรยากาศเจเปนจริงจริ๊ง

4. สวิตเซอร์แลนด์ในเมืองไทย: Swiss Sheep Farm – ชะอำ 

    ถ้านึกถึงประเทศสวิสเซอร์แลนด์ สถานที่ในเมิองไทยที่ตอบโจทย์ได้มากที่สุดต้องยกให้ที่นี่เลยค่ะ ‘Swiss Sheep Farm’ ฟาร์มแกะสุดน่ารักน่าเอ็นดูในเมืองชะอำ ด้วยทำเลท่ามกลางธรรมชาติเขียวชอุ่ม โอบล้อมด้วยทิวเขาซับซ้อน ได้อารมณ์โรแมนติกเป็นอย่างดี แถมยังมีน้องแกะวิ่งเล่น ขี่ม้าชมวิว ก็สร้างความสนุกได้ไม่น้อย ไฮไลท์อีกอย่างที่ไม่ควรพลาด ‘คล้องกุญแจแห่งรัก’ เล่ากันว่าถ้าใครมาคล้องร่วมกันล่ะก็ จะสามารถครองรักกันได้นิรันดร์เลยล่ะค่ะ!
5. ฮ่องกงในเมืองไทย: Asiatique The River Front – ถนนเจริญกรุง 
    ใครที่เคยไปเที่ยวฮ่องกง ไฮไลท์ที่สุดคงต้องยกให้สีสันในยามค่ำคืนที่กว่า 44 อาคารริมอ่าว Victoria ต่างพร้อมใจกันปล่อยแสงไฟสลับกันไปสลับมา ซึ่งถ้าจะหาแบบนี้ที่เมืองไทยต้องที่นี่เลย ‘Asiatique The River Front’ ที่พอจะสู้กับเค้าได้หน่อย ถึงแม้จะไม่จัดจ้านเท่าต้นตำรับ แต่ก็ฟิลลิ่งคล้ายกัน ให้คุณหยุดทอดน่องริมแม่น้ำเจ้าพระยาชมวิวยามค่ำคืน สวยงามไม่ใช่เล่นเหมือนกันแหละค่
6. กัมพูชาในเมืองไทย: ปราสาทสัจธรรม  - พัทยา 
 
    ‘ปราสาทสัจธรรม’ สถาปัตยกรรมงานไม้แกะสลักที่ใหญ่ที่สุดในโลกในเมืองพัทยา ดันไปคล้ายกับ ‘นครวัด’ มรดกทางวัฒนธรรม 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในประเทศกัมพูชาซะนี่! ใครที่เคยไปมาทั้งสองที่ต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้กลิ่นอายความรู้สึกคล้ายกันมาก อาจเป็นเพราะทั้งสองแห่งได้สะท้อนเรื่องราว ศาสนา รายละเอียดในด้านศิลปกรรม งานปั้นและการแกะสลักเทวรูปต่างๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ให้นักท่องเที่ยวต่างจดจำได้เป็นอย่างดีก็ได้มั้ง
7. เม็กซิโกในเมืองไทย: Pather Creek Resort – อ.ปากช่อง

    หากอยากสัมผัสความเป็นคาวบอยสไตล์เม็กซิกันให้ถึงแก่น ไม่ต้องบินไปไกลถึงเม็กซิโกหรอกค่ะ แค่ขับรถมาอ.ปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาก็พอ ตรงดิ่งมาด่วนเร็วที่ ‘Pather Creek Resort’ รีสอร์ทสบายๆที่จำลองบรรยากาศของเมืองสไตล์ตะวันตกยุค Indian-Cowboy มาไว้อย่างเต็มรูปแบบ แถมยังมีบริการต่างๆไว้เอาใจนักท่องเที่ยวมากมายทั้ง เช่าชุดคาวบอยถ่ายภาพเท่ห์ๆ รับจัดงานอีเว้นท์ งานปาร์ตี้ หรือนอนพักค้างคืนแบบคาวบอยในบรรยากาศธรรมชาติร่มรื่นที่รายรอบก็ยังมีนะคะ
8. จีนในเมืองไทย: ศาลเจ้าหน่าจาไท้จื้อ จังหวัดชลบุรี 

    แค่ก้าวเข้าสู่วิหารก็ช็อคเลยค่ะ เหมือนอยู่เมืองจีนยังไงยังงั้น ‘ศาลเจ้าหน่าจาไท้จื้อ’ ตรึงใจนักท่องเที่ยวทุกคนด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ไชน่าสุดวิจิตรตระการตา ทั้งมังกรน่าเกรงขามพันรอบเสาทุกต้น แถมเป็นวิหารขนาดใหญ่ 4 ชั้น แต่ละชั้นประดิษฐานของทวยเทพต่างๆ  นักท่องเที่ยวนิยมมากราบไหว้เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ได้อิ่มบุญแถมยังอิ่มตากับการตกแต่งในสไตล์จีนสุดเริ่ดอลังการยังงี้อีก ดีจริงๆเลยเนอะ

9. อิตาลีในเมืองไทย: Palio อ.เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา 

    ‘Palio’ Landmark แห่งเขาใหญ่ที่สีสันเจ็บจี๊ด จำลองมาจากหมู่บ้านทัสคานี ประเทศอิตาลี ทั้งสวนหย่อมสไตล์อิตาลีแท้ๆ บรรยากาศสุดชิลล์ น้ำพุเก๋ๆไว้โพสต์ท่าถ่ายรูป หอชมวิวเขาใหญ่สุดลูกหูลูกตา ลั่นล้ากับร้านขายของนานาชนิด หรือพักผ่อนใน Boutique Hotel ก็ได้ทั้งนั้น คือถ้ามาแล้วก็อาจจะงงๆนิดหน่อย เพราะทางเดินอาจจะซับซ้อนไปนิด แต่ก็สามารถเดินทะลุถึงกันได้หมดแหละค่ะไม่ต้องกังวล

10. กรีซในเมืองไทย: Santorini park – ชะอำ 

    ใครที่มาแล้วต้องยกนิ้วให้ทุกราย ‘Santorini Park’ อ.ชะอำเค้ากินขาดในด้านความครีเอทจริงๆค่ะ เพราะจำลองบรรยากาศเมืองซานโตรินี่ ประเทศกรีซไว้ได้อย่างเป๊ะมาก สถาปัตยกรรมโทนฟ้าขาว แจมด้วยสีสันเล็กๆพอเรียกความสดชื่น แถมยังเอาใจนักท่องเที่ยวด้วยสวนสนุก แหล่งช้อปปิ้ง และร้านอาหารชั้นนำไว้ให้เลือกกันตามใจชอบเลยค่ะ

11. ทะเลทรายซาฮาร่าในเมืองไทย: หาดหงส์ จังหวัดอุบลราชธานี 

    พื้นที่กว้างใหญ่เหมือนกำลังอยู่ในทะเลทรายซาฮาร่า ทางตอนเหนือของแอฟริกา ‘หาดหงส์ แก่งสามพันโบก’ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นทะเลทรายกว้างใหญ่ซึ่งเกิดจากการพัดพาของน้ำและตะกอนทรายมาทับถมกัน เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งที่น่าไป ไฮไลท์ของที่นี่ต้องยกให้ ช่วงเวลาพระอาทิตย์กำลังตกในยามเย็น ยลโฉมความสวยงามจากแสงทองๆ ที่ส่องลงกระทบทรายสีขาวระยิบระยับประทับใจผู้คนมากๆค่ะ

    คำว่า ‘สวรรค์บนพื้นพิภพ’ เป็นนิยามที่นักท่องเที่ยวทุกคนพร้อมใจกันยกให้ ’กุ้ยหลิน’ แห่งมณฑลกวางซี ประเทศจีนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะด้วยขุนเขาที่เขียวขจี สายน้ำใสดุจกระจก ภูเขาหินแปลกตานับหมื่นยอด ก็คงยากที่จะปฏิเสธถึงความงดงามตรึงใจ แต่หารู้ไม่ว่า ที่เมืองไทยก็มีกับเค้าเหมือนกันนะจ้ะ ‘เขื่อนรัชชประภา’ ในอุทยานเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี สวยงามไม่แพ้ใครเหมือนกัน ทั้งภูเขาหินสูงชันล้อมรอบผืนน้ำสีเขียวมรกต วิวทิวทัศน์ที่สวยงามเกินบรรยาย ทำให้นักท่องเที่ยวต่างพากันมาดื่มด่ำความสุขกับแบบใกล้ชิด จนได้รับการขนานนามกันว่าเป็น ‘กุ้ยหลินเมืองไทย’ เลยล่ะค่ะ
ติดต่อสอบถาม